ENTEC จัดพิธีมอบใบคู่มือจดทะเบียนประจำรถฯ และสรุปผลโครงการ

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2567 ณ ห้องประชุมเฟื่องฟ้า 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) นำโดย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการฯ พร้อมด้วย ดร.ลิลี่ เอื้อวิไลจิตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฯ ดร.นุวงศ์ ชลคุป ผอ.กลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล ผอ.กลุ่มวิจัยนวัตกรรมพลังงาน และคณะนักวิจัย ร่วมกับผู้เเทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดงาน “พิธีมอบใบคู่มือจดทะเบียนประจำรถฯ และสรุปผลโครงการ” ในพื้นที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ภายใต้โครงการความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับให้บริการสาธารณะในประเทศไทย

งานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก “นายสุธี ทองแย้ม” ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวเปิดงาน และได้รับเกียรติจากผู้เเทนในภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ - คุณชัยวุฒิ หลักเมือง ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) - ว่าที่ร้อยตรี ยุทธภูมิ จับจิตต์ นายอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี - คุณมานิตา รุจะศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร - คุณวัฒนา ศักดิ์ชูวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดนนทบุรี - คุณยมนา นาคเสนา ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งนนทบุรี - คุณสมศักย์ ปรางทอง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารด้านการใช้ไฟฟ้าและกิจกรรมเพื่อสังคม กฟผ. - Mrs. Xiong Xiaoyan, Director of Overseas Brand Department, Dongguan Tailing Electric Vehicle (TAILG) - คุณอารีรัตน์ ศรีประทาย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะสตาเลียน จำกัด

ภายในงานดังกล่าว ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ขึ้นกล่าวอธิบายรายละเอียดของโครงการและกล่าวแสดงความยินดีกับโครงการและผู้ขับขี่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยมี ดร.นุวงศ์ ชลคุป เป็นผู้ดำเนินรายการในครั้งนี้

ทั้งนี้ผลที่ได้จากโครงการนี้จะนำไปสู่การวางแผนการขยายผลสู่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะทั่วประเทศ ลดภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษา บรรเทาปัญหาการปล่อยมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานเหนือกว่า มุ่งสู่สังคมความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศต่อไปในอนาคต